UFABETWINS บทสรุปของลีค ลา ลีกา 2020-21

UFABETWINS

แม้ลา ลีกา ฤดูกาลนี้จะถูกจัดขึ้น ท่ามกลางปัญหาสารพัน ที่เป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 หากมันเหลือเชื่อตรงที่ว่า ฤดูกาล 2020-21 กลับเป็นการขับเคี่ยว ที่น่าดูชมที่สุดในรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว

รูดม่านลาโรงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ ลา ลีกา 2020/21 ขอแสดงความยินดีกับ แอต.มาดริด แชมเปี้ยนในซีซั่นนี้ด้วยหลังประกาศศักดาคว้าแชมป์ไปครองชนิดต้องลุ้นถึงนัดสุดท้าย

โดยส่วนตัว ผมยกให้ ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ เป็น ลา ลีกา ที่เข้มข้นเร้าใจมากที่สุดในรอบ 10 ปี หรือบางทีอาจจะ 20 ปีเลยก็ว่าได้

หนล่าสุดที่ลีกสูงสุดของสเปนต้องลุ้นแชมป์กันถึงนัดสุดท้ายแบบบีบหัวใจทุกวินาที ก็เห็นจะเป็นฤดูกาล 2013-14 ที่ แอตเลติโก คว้าแชมป์ไปครองจากการไปยันเสมอ บาร์เซโลน่า ถึง คัมป์ นู 1-1

อย่างไรก็ตาม ปีนั้นถึงแม้จะต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้ายและสองทีมลุ้นแชมป์ก็โคจรมาตัดสินกันเอง หากแต่ถ้าเทียบอัตราความเร้าใจแล้ว โดยภาพรวมเห็นว่ายังสู้ฤดูกาลนี้ไม่ได้

ลา ลีกา 20/21  แม้จะเดินมาถึงช่วงปลายของการแข่งขัน แต่กลับมีมากถึง 4 ทีมที่ยังเบียดลุ้นแย่งแชมป์กัน ซึ่งเป็นสถานกรณ์ที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นอกจากนั้นแล้ว สถานการณ์ตลอดทั้งปีก็ยังพลิกไปพลิกมา ชวนตื่นเต้น มีไม่น้อยกว่า 3-4 ครั้งที่ผลการแข่งขันเล่นเอาแฟนๆปรับอารมณ์แทบไม่ทัน

ว่ากันในแง่ของคุณภาพ นี่อาจไม่ใช่ ลา ลีกา ที่บรรดาทีมลุ้นแชมป์มีระดับการเล่นฟุตบอลที่เปี่ยมคุณภาพ ไล่หวดคู่แข่งยับเยินเหมือนภาพจำส่วนใหญ่ของบอลสเปน

ในทางตรงกันข้ามกัน พวกยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะ แอต.มาดริด,บาร์เซโลน่า หรือ เรอัล มาดริด ต่างพลัดกันพลาด สลับกันออกทะเล สำคัญกว่านั้นคือขาดความเด็ดขาดในเกมชี้เป็นชี้ตายอย่างไม่น่าเชื่อ

หนึ่งในเกมที่ถูกยกเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของฤดูกาลก็คือ ‘บาร์เซโลน่า-กรานาด้า’ โดยเฉพาะกับแฟนอาซูลกราน่าที่ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดาย

ทีมของ โรนัลด์ คูมัน ฟอร์มออกทะเลในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ทำหลุดมือไปถึง 20 แต้มจาก 19 นัด แต่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาในเดือนมกราคม ก่อนเร่งเครื่องเก็บแต้มจนกระทั่งโอกาสทองที่จะแซงขึ้นจ่าฝูงมาถึง

ขอแค่ชนะ กรานาด้า ในบ้านตัวเองเท่านั้น บาร์ซ่า ก็จะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นต่อ แต่พวกเขากลับทำไม่สำเร็จ

ยิ่งดูรูปเกมก็ ยิ่งน่าเสียดาย เพราะ บาร์ซ่า ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ครึ่งแรกโดยที่เล่นดีกว่าชัดเจน แต่เปิดครึ่งหลังมากลับโดน 2 เม็ดรวดแบบสุดช็อค

ทั้งนี้ ความพ่ายแพ้ของ บาร์เซโลน่า ต่อ กรานาด้า ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดพลิกผันของการลุ้นแชมป์ เพราะหากไม่พลิกล็อค สีเสื้อของแชมเปี้ยนปีนี้อาจไม่ใช่ ‘แดง-ขาว’ ก็เป็นได้

ทางด้าน เรอัล มาดริด ก็เช่นกัน ฟอร์มการเล่นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มีลักษณะเฉพาะตัวตรงที่เล่นได้สุดยอดในการเจอกับทีมหัวตาตรางด้วยกัน แต่กลับไปไม่เป็นในเกมเล็ก จนมีสโลแกนประจำตัว ‘เล็กๆไม่ใหญ่ๆทำ’

‘โลส บลังโกส’ สามารถแพ้คาบ้านให้ทีมอย่าง กาดิซ,อลาเบส  หรือ ออกไปโดนทีมที่ใกล้แพแตกอย่าง บาเลนเซีย ถล่ม 1-4 แต่กลับไม่เคยแพ้ในการเล่นกับยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์ซ่า,แอตเลติโก และ เซบีย่า เลยแม้แต่เกมเดียว

กระนั้นก็ตาม หนึ่งในเกมใหญ่ที่ เรอัล มาดริด ไม่แพ้ แต่นับได้ว่าพลาดมหันต์ ก็คือเกมเสมอ เซบีย่า ในบ้าน 2-2 ซึ่งทำให้พวกเขาชวดแซงขึ้นนำจ่าฝูง ต่อลมหายใจให้ แอตเลติโก อย่างหวุดหวิด

ส่วนแชมเปี้ยนอย่าง แอตเลติโก ก็ต้องบอกว่าระบมไปทั่วตัวเช่นกัน จากทีแรกที่ควรจะวิ่งเข้าป้ายแบบสบายๆ แต่ตอนท้ายกลับแทบเอาตัวไม่รอด

หนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้โอกาสคว้าแชมป์ของ แอตเลติโก สั่นคลอนคือการลงเล่นกับ เลบันเต้ 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งปรากฏว่า แอตเลติโก ได้มาแค่แต้มเดียว ทำให้  เรอัล มาดริด ขยับเข้าใกล้เหลือ 6 แต้ม (58-52)

จากนั้น แอตเลติโก ก็แผ่วลงอีก จนคะแนนที่ครั้งนึงเคยนำห่างรองจ่าฝูงถึง 11 แต้ม ลดลงเหลือเพียง 2 แต้ม ซึ่งเล่นเอาแฟนบอลของพวกเขาถึงกับเครียด เพราะหากปีนี้พลาดขึ้นมา คงสะเทือนใจอย่างแรง และอาจนำพาซึ่งเรื่องแย่ๆตามมาสู่ทีม

แต่สุดท้ายก็ต้องยกย่องในจิตใจที่แข็งแกร่งของพวกเขา ความไม่ย่นย่อท้อแท้ต่ออุปสรรค เช่นเกมที่พลิกกลับมาชนะ โอซาซูน่า 2-1 นั่นก็สำคัญอย่างยิ่งยวด

คำพูดที่ว่า “ถ้าไม่เจ็บปวด ก็ไม่ใช่ แอตเลติโก” เห็นจะจริง เพราะทีมของ โชโล่ ต้องดิ้นรนอย่างหนักโดยเฉพาะช่วงปลายซีซั่นจนกระทั่งนัดที่ 38

กบันัดสุดท้าย แม้จะลงเล่นด้วยเงื่อนไขที่ดีกว่า เรอัล มาดริด แต่ก็ไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะหาก ‘โลส บลังโกส’ เก็บ 3 แต้มได้ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องชนะด้วยเช่นกัน หากผลเป็นอื่น ถ้วยแชมป์จะพลิกไปอยู่ในมือ ซีดาน กับลูกทีมทันที

ผมเชื่อว่าแฟนแอตเลติโกทุกคนคงใจหายวาบ ในวินาทีที่ ออสการ์ ปลาโน่ ตะบันผ่าน  โอบลัค เข้าไป ให้เจ้าถิ่น เรอัล บายาโดลิด ขึ้นนำ หากแต่โชคยังดีที่ เยเรมี่ ก็ซัดให้ บียาร์เรอัล ออกนำเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้น ก็คงต้องขอบคุณหนักๆกับประตูที่ 21 ในฤดูกาลของ หลุยส์ ซัวเรซ ไม่เช่นนั้น ก็น่าคิดเหมือนกันว่าลูกพักอกยิงของ ลูก้า โมดริช ในนาทีที่ 90+2 จะกลายเป็นลูกยิงที่ทรงคุณค่าขนาดไหน และในทางกลับกัน เราคงได้เห็นฉากดราม่าที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล

สำหรับ ลา ลีกา ปีนี้ แม้จะจบในแบบที่หลายคนคาดไว้แต่ตอนต้น เมื่อ แอตเลติโก ไม่พลาดแชมป์ ทว่าระหว่างทางนั้น กลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน และผลการแข่งขันที่เหลือความคาดหมาย นำพาให้ต้องลุ้นระทึกจนถึงเกมสุดท้ายด้วยระดับความมันที่ทะยานถึงขีดสุด

แอตเลติโก ลงเอยด้วยการเป็นแชมป์ นี่คือแชมป์สมัยที่ 11 และเป็นอีกครั้งที่พวกเขาคว้ามาครองอย่างใจหายใจคว่ำ

เรอัล มาดริด ทำหน้าที่ผู้ไล่ล่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาต่อสู้อย่างหนักจนกลับมามีลุ้นแชมป์ถึงนัดสุดท้าย ท่ามกลางปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บรุมเร้ามากมายที่แทบจะถูกบันทึกไว้เป็นสถิติโลก

ส่วน บาร์เซโลน่า ก็สร้างสีสันให้การติดตาม ลา ลีกา อย่างมาก เกมพ่าย กรานาด้า คงจะติดค้างในใจเหล่าแฟนๆและ โรนัลด์ คูมัน ไปอีกนาน เพราะมันคือเกมพลิกชะตาชีวิตโดยแท้ จากดีสู่เลวร้าย จากคว้าแชมป์สู่ความล้มเหลว

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับความสม่ำเสมอแล้ว เหล่าแฟนๆ แอตเลติโก ก็คงจะชอกช้ำกว่าใคร หากสุดท้าย พวกเขามีอันต้องพลาดแชมป์ในปีนี้ ปีที่พวกเขาเล่นได้ดี ปีที่พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ

ลา ลีกา 2020/21 อาจไม่ใช่ฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบ มันถูกจัดขึ้นท่ามกลางปัญหามากมาย ทั้งเรื่องปราศจากแฟนบอล,เศรษฐกิจที่พังพินาศ รวมถึงการใช้ชีวิตที่ยากลำบากอันเป็นผลมาจากโควิด-19 หากแต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นี่คือหนึ่งในฤดูกาลที่น่าประทับใจที่สุดในรอบหลายสิบปี

เป็นฤดูกาลที่หยิบยื่นทั้งความสนุก ความตื่นเต้น ความตึงเครียด ซึ่งเร้าอารมณ์แฟนๆจนถึงขีดสุด ตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนกระทั่งถึงนัดสุดท้าย

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล