การแข่งขันซีรีส์ในแอฟริกาใต้เป็นเรื่องยากในช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ไม่ต้องสนใจในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ สำหรับทีมสิงโตอังกฤษและไอริชที่กำลังมุ่งหน้าสู่ซีรีส์การทดสอบ เช่น นักดิ่งพสุธาที่ยังไม่ได้ค้นหา ripcord มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการตัดสินใจอย่างสงบและถูกต้องภายใต้แรงกดดัน ค้นหาสมดุลทางยุทธวิธีที่ชาญฉลาดและ – โห่ – ขึ้นไปบนท้องฟ้าและทุกอย่างจะเรียบร้อย
ในการตัดสินที่สำคัญที่สุดที่ Warren Gatland และนักบินผู้ช่วยของเขาต้องทำคือการผสมผสาน 10-12 ในอุดมคติของพวกเขา มันไปโดยไม่บอกว่าการเผชิญหน้าของ Lions เป็นบุคคลสำคัญที่มีการหมุนรอบมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่ง ขนาด และชื่อเสียงของการส่งต่อ Springbok ในปัจจุบัน ไม่มีใครจะขายรถจักรไอน้ำล็อตนี้ซึ่งทำให้การระบุวิธีทางเลือกในการลองผิดวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หากใครมีทักษะในการสร้างความแตกต่างได้ ก็ไม่ต้องสงสัย Finn Russell ซึ่งทำให้การเลือกของเขาสำหรับการแข่งขันช่วงสุดสัปดาห์ในแอฟริกาใต้นั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น จำสิ่งที่ Gatland พูดเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมเมื่อเขาตั้งชื่อทีมของเขาได้ไหม? “ฉันแค่ต้องการส่งข้อความ โดยเฉพาะถึง Finn ว่าเราสนับสนุนเขาและเราเชื่อมั่นในตัวเขาที่จะสร้างแรงกดดันให้กับอีก 10 คนที่เหลือและยกมือขึ้นเพื่อทดสอบ เรามีความแตกต่างกับคนอายุ 10 ขวบ และฉันคิดว่านั่นสำคัญ”
เมื่อ Dan Biggar ได้รับการฉีดคอร์ติโซนที่หัวเข่า – ไม่มีดราม่าใดที่ผู้บริหารพูดถึง แต่ไม่เหมาะสำหรับหนึ่งในนักเตะหลักของทีม – มันทำให้การจับคู่ 10-12 ของ Russell และ Owen Farrell ในสุดสัปดาห์นี้ให้คำแนะนำ มันจะเป็นการแต่งงานที่เกิดขึ้นในสวรรค์รักบี้หรือไม่? ทั้งคู่ชอบจัดรายการตามสัญชาตญาณ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับเลือก Farrell มีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับ George Ford ในบริบทของอังกฤษ แต่ความทรงจำยังคงสะท้อนถึงปฏิกิริยาที่โกรธเคืองของเขาต่อลูกเตะของ Danny Cipriani ซึ่งไม่กี่วินาทีต่อมาทำให้ Jonny May ชนะอังกฤษกับแอฟริกาใต้ในเคปทาวน์ในปี 2018
บางครั้งความตึงเครียดเชิงสร้างสรรค์เล็กน้อยอาจเป็นสิ่งที่ดี หากผู้เล่นรักบี้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน มันก็จะเป็นเกมสีเทาที่น่าเบื่อที่สุด ไม่มีใครสามารถสงสัยคุณลักษณะการแข่งขันของ Farrell ได้ แต่ถ้ารัสเซลจะสาดสีที่เป็นนามธรรมอันยิ่งใหญ่ของสี Kandinsky บนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่าส่วนใหญ่ของ Lions เขาไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมทีมที่ใกล้ที่สุดของเขากระตุ้นให้เขาตบเสื้อแมกโนเลียอีกอันแทน เพราะอย่างที่ Gatland ได้ชี้แจงแล้ว มาตรฐานบึงจะไม่เพียงพอที่จะเอาชนะแชมป์โลกได้
ด้วยการเลือก Stuart Hogg เป็นกัปตันของเขาในการแข่งขันครั้งนี้แทนที่จะเป็น Farrell Gatland ได้ส่งข้อความที่เงียบสงบว่าสำนักงานระดับสูงของอังกฤษที่ห้าใน Six Nations ปีนี้ไม่จำเป็นต้องรับประกันสถานที่ทดสอบ Lions เริ่มต้น การดูสถิติก็มีประโยชน์เช่นกัน เมื่อฟาร์เรลลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ให้กับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งตอนนี้เขาทำได้ 43 ครั้ง ทีมของเขามีอัตราการชนะ 79% เมื่อเขาเริ่มที่หมายเลข 10 ซึ่งเขาทำมาแล้ว 38 ครั้ง ตัวเลขนั้นลดลงเหลือต่ำกว่า 63%
ในการทดสอบอาชีพ 11 ครั้งกับแอฟริกาใต้ ในขณะเดียวกันบันทึกของเขาอ่านว่าชนะสามครั้ง เสมอหนึ่งครั้ง และแพ้เจ็ดครั้ง ในทางตรงกันข้าม Biggar พบกับ Springboks ถึงแปดครั้งและมีอัตราความสำเร็จ 50% รัสเซลเผชิญหน้ากับบ็อคเพียงครั้งเดียวสำหรับสกอตแลนด์ในการแพ้ 26-20 ที่เมอร์เรย์ฟิลด์เมื่อสามปีที่แล้วแต่ตามที่ Gatland สังเกตในสัปดาห์นี้เขาเป็นผู้เล่นที่กลมกล่อมมากขึ้นในปัจจุบัน
“เขาเติบโตขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในแง่ของการจัดการเกมของเขาและวิธีที่เขาควบคุมเกม” Gatland กล่าว “เรารู้ดีว่าเขามีไหวพริบอะไรจากมุมมองของเกมรุก แต่ก็เป็นลูกเตะที่จู่โจมอย่างปราดเปรียวที่เขาสามารถนำมาสู่เกม ผมคิดว่าในเกมกับฝรั่งเศสที่เขาเล่นได้อย่างโดดเด่น”
เกมที่โดดเด่นกับ Lions ซึ่งเขาผสมผสานพื้นฐานกับเวทย์มนตร์เป็นครั้งคราวและสถานที่ในการทดสอบนัดที่ 23 จึงอยู่ในเข็มทิศของเขา ตอนแรกมันอาจจะต้องมาจากม้านั่งสำรอง แต่ใครจะดีไปกว่าการยกระดับจังหวะและเปลี่ยนเพลงอารมณ์มากกว่ารัสเซลกับการป้องกันที่อ่อนล้าเล็กน้อย? ในการเปิดใช้นั้น ฟาร์เรลล์จะต้องเอาชนะร็อบบี้ เฮนชอว์ ซึ่งขณะนี้รักษาอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย และบันดี อากิ ลงเป็นตัวจริงหมายเลข 12 หรือให้ทางเลือกแก่ผู้บริหารเพียงเล็กน้อยแต่ต้องเริ่มเล่นเมื่ออายุ 10 ขวบ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการยิงประตู คุณจะกลับไปหาใครเพื่อบรรลุเป้าหมายทัชไลน์ที่สำคัญในคืนที่เปียกและมีพายุในเวสเทิร์นเคป? ในทัวร์นี้ไม่มี Leigh Halfpenny ที่จะเครียด นักเตะที่ไว้ใจได้ก็ต้องเริ่มต้น Neil Jenkins ยืนยันว่า Farrell จะเตะลูกแรกในสุดสัปดาห์นี้ แต่มีบางกรณีที่เชิญ Russell ให้ยิง Pot สองสามลูกแรกและรับรู้ก่อนว่าความเป็นนักแม่นปืนของเขาวัดผลกับเพื่อนของเขาอย่างไร
ถ้าคนหลังมีสตอร์เมอร์และเขากับฟาร์เรลล์ประกบกันอย่างดี แล้วยังไงล่ะ? อย่างน้อยที่สุดก็จำเป็นต้องมีการตอบสนองกลางสัปดาห์ทันทีจาก Biggar ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานในทุกด้าน ทีมได้รับคำแนะนำว่า Alun Wyn Jones ที่บาดเจ็บอาจยังฟิตพอที่จะกลับไปสมทบกับพวกเขาก่อนจบซีรีส์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขามี No 10s สามคนที่ทำงานเหมือนนักกระโดดร่มควบคู่กันโดยมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายเดียวกันอย่างไม่เห็นแก่ตัว? อาจเป็นความแตกต่างระหว่างการผจญภัยของสิงโตในปี 2021 ที่ทะยานหรือดิ่งลงเหว
แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านก้อนเมฆที่ปกคลุมภูเขา Styrian เป็นเพียงฉากเล่นเงาที่ตัดกับความรุ่งเรืองอันสดใสของ Max Verstappen ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก สิ่งที่ Verstappen อยากทำคือต่อสู้เพื่อชิงแชมป์โลก Formula One ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่อยู่ในไฟต์นั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำแชมป์ป้องกันอย่างลูอิส แฮมิลตันอีกด้วย ในวันออสเตรียกรังปรีซ์แม็กซ์รู้สึกดี เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าเขาจะ
เหนือเกมของเขา นักเตะวัย 23 ปีไม่กลัวที่จะพูดสิ่งที่คิดออก การเปิดกว้างทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางนักแข่งและเป็นพื้นฐานสู่ความสำเร็จกับทีมRed Bullของเขา
“ฉันพูดตรงๆ เลยนะ เมื่อฉันคิดว่ามันไร้สาระ เมื่อมันดีมันก็ดี นั่นคือวิธีที่ฉันโต้ตอบกับทีม” เขากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ มากกว่าการคุกคามเพียงเล็กน้อยที่มักจะมาพร้อมกับข้อความดังกล่าว “นั่นคือสิ่งที่ผมพูดกับทีม: ‘คุณสามารถพูดแบบเดียวกันกับฉัน เมื่อฉันเป็นไอ้งั่งคุณสามารถบอกฉันได้’ เมื่อฉันมีเพศสัมพันธ์ฉันจะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อฉันทำดีฉันก็ทำดี”
ความซื่อสัตย์และการวิเคราะห์ตนเองนี้นอกเหนือไปจากวาทศิลป์ที่ว่างเปล่าของผู้อวดดี มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ที่เขามีกับทีมของเขา ซึ่งตอนนี้เห็นว่าเขาถูกขังอยู่ในการแย่งชิงตำแหน่ง F1 ครั้งแรกของเขา
“ฉันไม่สามารถสุภาพและดีได้เสมอไป นั่นไม่ใช่วิธีที่ฉันทำงาน” เขาอธิบาย “คุณต้องหนักแน่นต่อกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือเมื่อคุณไม่พอใจกับบางสิ่ง มันใช้งานได้ทั้งสองวิธี พวกเขาบอกฉันฉันบอกพวกเขา คุณควรจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และวิจารณ์ได้”
Verstappen อยู่ในฤดูกาลที่ 7 ของเขาใน F1 โดยเปิดตัวในฐานะนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดในวัย 17 ปีในปี 2015 วัยรุ่นตัวน้อยที่น่าอึดอัดใจที่ปีนขึ้นไปบน Toro Rosso ได้จากไปแล้ว เขาเติบโตขึ้นมาในที่สาธารณะและในขณะที่รูปลักษณ์ของเขายังคงทรยศต่อความเยาว์วัย ความมั่นใจและอำนาจของเขานั้นไม่มีผิดเพี้ยน เขาเป็นผู้ชายที่ตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งกับนักแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา แต่กลับไม่เกรงกลัวใครเลย สิ่งที่บางคนมองว่าเป็นความเย่อหยิ่งในวัยหนุ่มของเขากลับสงบเยือกเย็นและมั่นใจในตนเอง
“ผมรู้ว่าถ้าผมมีรถที่สามารถต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งได้ ผมจะอยู่บนนั้นและนั่นก็แสดงให้เห็น” เขากล่าว “มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ฉันรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะรวดเร็วในการติดตาม ฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากหรือเครียดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อให้รวดเร็ว”
เขาพิสูจน์มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ในรถที่แซงหน้า Mercedes ของแฮมิลตัน ฤดูกาลนี้เขาทำให้มันสำคัญเมื่อมันสำคัญ เขามีชัยชนะสี่ครั้งในสามของแฮมิลตันและนำเขาไป 18 คะแนนในการแข่งขันชิงแชมป์โลก การต่อสู้แบบหวดแล้วเหน็บของพวกเขาน่าจับตามอง ทั้งสองอยู่ในชั้นเรียนของตนเองที่หน้าสนาม การเล่นสองมือที่มีการเขียนบทขณะที่พวกเขาดำเนินไป
ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้จะทำให้ทีมของเขาประหลาดใจ Christian Horner หัวหน้าทีม Red Bull ได้สร้างทีมรอบ Verstappen ตั้งแต่เขาเข้าร่วมในปี 2559 ด้วยชัยชนะที่ก่อความไม่สงบในการเดบิวต์ในสเปน
“คุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณเอาเขาขึ้นรถ เขาจะให้คุณ 110% นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่จะได้ชม” ฮอร์เนอร์กล่าว “เขาแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมและอยู่ได้สองหรือสามฤดูกาลหลัง” ความเชื่อของกระทิงแดงในตัวเขาได้รับรางวัลจากวันหนึ่งและชนะพิเศษในสเปน “มันเป็นสิ่งที่เหนือจริงที่สุด” ฮอร์เนอร์กล่าว “เขาไม่เคยแม้แต่นั่งในรถก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ เราแค่ดึงเขาเข้าไปตรงๆ และบูม – ชัยชนะครั้งแรก มันเป็นเรื่องของจิตใจและเทพนิยาย”
สิ่งที่ตามมามักจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยเมื่อ Verstappen ได้เรียนรู้การค้าขายของเขาในที่สาธารณะ โดยไม่เอาอิฐจำนวนเล็กน้อยไปตลอดทาง ข้อกล่าวหาเก่าที่ว่าเขาประมาทและทำผิดพลาดมากเกินไปนั้นล้าสมัยไปแล้ว ตามที่กำหนดไว้ดีที่สุดบางทีในปี 2018 ที่สิงคโปร์ที่ Verstappen เล่นเปอร์เซ็นต์เก่ง หมุนวงล้อกับ Sebastian Vettel จากนั้นเลือกใช้ดุลยพินิจเหนือความกล้าหาญและผ่านชาวเยอรมันผ่านการหยุดก่อนที่จะลดโอกาสที่น้อยที่สุดกับแฮมิลตันในช่วงท้าย แข่ง.
“Mad Max” ในวัยหนุ่มของเขาหายไปแล้ว Verstappen ยอมรับว่าเป็นแชมป์เจ็ดสมัยที่ได้พิสูจน์สิ่งที่ต้องการคว้าตำแหน่ง “คุณไม่สามารถเกษียณอายุหรือทำผิดพลาดได้เมื่อคุณเสียแต้มมากมาย มันสามารถฆ่าแชมป์ได้” เขากล่าว “ฉันรู้แล้ว. ลูอิสเป็นแบบนี้มานานแล้ว เขามีความสม่ำเสมอมาก และนั่นคือวิธีที่คุณคว้าแชมป์”
ทว่าสไตล์การชาร์จแบบแข็งเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้ Verstappen น่าหลงใหล การย้ายของเขาในแฮมิลตันผ่านเทิร์นหนึ่งที่ Imola ในปีนี้พิสูจน์ได้ว่ายังไม่ได้ทำหมัน แต่ได้รับการขัดเกลา “ถ้ายังมีช่องว่างอยู่ ฉันจะไปที่นั่น มันเป็นแค่สไตล์ของฉัน ศอกโดยพื้นฐาน” เขากล่าว “แต่ถ้าคุณอยู่ในการต่อสู้ชิงแชมป์ คุณต้องคิดถึงคะแนนทุกการแข่งขัน มันเป็นความสมดุล”
เขาจะให้แฮมิลตันท้าทายที่ยากที่สุดแชมป์โลกต้องเผชิญตั้งแต่ปี 2014 จุดเริ่มต้นของกฎระเบียบเทอร์โบไฮบริดและตั้งแต่เมื่อแฮมิลตันได้ดำเนินการหกของเขาเจ็ดชื่อ ทั้งคู่ได้พูดก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาอยากจะต่อสู้กันเองมากแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรระหว่างพวกเขา?
“ลูอิสกับฉันมีความเข้าใจที่ดีจริงๆ เรารู้ว่าเราอยู่ในไฟต์ชิงแชมป์ เขาต้องการคว้าแชมป์สมัยที่ 8 ของเขา ฉันอยากขึ้นเป็นที่หนึ่ง” Verstappen กล่าวพร้อมหัวเราะขำในขณะที่ชื่นชมอ่าวที่มีมากกว่าช่องว่างอายุ 13 ปีระหว่างพวกเขา .
ยังไม่มีเข็มใดที่จะทำให้การแข่งขันที่ดึงดูดใจอยู่แล้วกลายเป็นละครโอเปร่าและในขณะที่สิ่งต่าง ๆ ยืน Verstappen ไม่เห็นเหตุผลที่ทั้งคู่จะเปลี่ยนการแข่งขันที่ยาก แต่ยุติธรรมที่กำหนดฤดูกาล
“คนบอกว่าเมื่อคุณอยู่ในการต่อสู้เพื่อชิงแชมป์คุณต้องมาด้วยกัน” เขากล่าว “ฉันไม่เห็นว่า ฉันสนุกกับการแข่งรถ Lewis เรามักจะให้พื้นที่ซึ่งกันและกันนั่นคือสิ่งที่ผู้คนชอบดูแทนที่จะทำให้มันเป็นเกมที่สกปรก ระหว่างเราไม่จำเป็น”
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่นี่คือการหมุน มากเท่าที่มันอาจเปลี่ยนไปเมื่อความตึงของวงล้อขึ้นหรือทั้งคู่ปะทะกันในสนาม ที่ Red Bull นี่เป็นเพียงชายหนุ่มตรงไปตรงมาที่พวกเขาเคารพ “เขาเป็นคนดีมาก” สมาชิกในทีมคนหนึ่งบอกฉัน “จากภายนอกคนอาจมองไม่เห็น ทุกคนที่นี่ชอบเขา”
ตอนนี้ Red Bull ชนะการแข่งขันสี่รายการติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นการดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 และด้วยชัยชนะเหนือของ Verstappenที่ Red Bull Ring เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ในทุกตำแหน่งที่ต้องทำอีกครั้ง ทว่าชาวดัตช์ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากยางระเบิดในบากูทำให้เขาเกือบได้รับชัยชนะ เขาถูกลดหย่อนให้สวมยางที่มีความผิดด้วยความโกรธหลังจากที่เขาปีนขึ้นจากรถที่ประสบอุบัติเหตุ ทว่าในท้ายที่สุดเขาก็จริงจังกับความพ่ายแพ้ เนื่องจากนักแข่งที่กลายเป็นแชมป์ก็ต้องเป็น
“มันเจ็บปวด น่าผิดหวังจริงๆ” เขากล่าว “มันแสดงให้คุณเห็นว่าในการแข่งรถ ไม่มีอะไรรับประกันได้จนกว่าคุณจะข้ามเส้น ชีวิตไม่ยุติธรรม ไม่เป็นไร มันคือการแข่งขัน คุณไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะยางระเบิด แต่มันเกิดขึ้น คุณต้องจัดการกับมัน”
นี่คือความเป็นผู้ใหญ่ ความสมจริงพร้อมสัมผัสอันมหัศจรรย์ที่ทายาทของแฮมิลตันปรากฏชัด และมีโอกาสสร้างแบรนด์ที่คล้ายคลึงกันในกีฬานี้ในฐานะนักแข่งชาวอังกฤษ Verstappen เข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกเมื่ออายุได้ 3 ขวบกับ Jos พ่อของเขา จากนั้นเป็นคนขับ F1 เด็กวัยหัดเดินคิดว่าคอกข้างสนามเป็นสนามเด็กเล่นที่ยอดเยี่ยม เขาได้ทำให้มันเป็นของตัวเองและตอนนี้โชคชะตากำลังรอคอย
“ตอนที่ฉันยังเด็ก เป้าหมายของฉันคือ F1 และจนถึงตอนนี้ก็ค่อนข้างดี ฉันไม่สามารถบ่นได้” เขากล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างไม่ยอมรับตนเอง “นี่คือสิ่งที่ผมทำมาทั้งชีวิต นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะทำอย่างอื่น”
เพิ่มเติม >>> https://www.ufabetwins.com/
หน้าแรก >>> บ้านผลบอล